เจาะลึก IPO หุ้น PSP ผู้นำผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร โตกับกระแส Megatrend | P.S.P. Specialties

เจาะลึก IPO หุ้น PSP ผู้นำผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร โตกับกระแส Megatrend

บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP เป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพสูง จากธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร ที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นยานยนต์และอุตสาหกรรม จาระบีที่ใช้ในยานยนต์และเครื่องจักร น้ำมันผสมยางที่ใช้ในการผลิตยางแปรรูป น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า รวมไปถึงการให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร ดังนี้

  1. น้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) มีส่วนแบ่งทางการตลาด 24.2%
  2. น้ำมันผสมยาง (Rubber Process Oil) มีส่วนแบ่งทางการตลาด 45.1%
  3. น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer Oil) มีส่วนแบ่งทางการตลาด 66.0%

ซึ่งส่วนแบ่งทางการตลาดทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในประเทศไทย และยังสร้างความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีให้กับบริษัทมาอย่างยาวนาน ประกอบกับผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการใช้อยู่เป็นประจำ ตามความต้องการใช้งานของยานพาหนะ การใช้งานเครื่องจักรในอุตสาหกรรม และปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย ที่มีความจำเป็นอย่างมากในการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้รายได้ของบริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพมาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม PSP ยังมีการเติบโตจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสารเติมแต่ง (Additive) ธุรกิจให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร และธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ PSP มีแนวโน้มเป็นหุ้นที่เติบโตและมีเสถียรภาพของรายได้สูง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการควบคุมความผันผวนของพอร์ตการลงทุน แต่ยังได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หล่อลื่นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีโครงสร้างธุรกิจที่น่าสนใจ จากการกำหนดราคาแบบ Cost-Plus Basis ซึ่งเป็นการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์ตามความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และยังมีการบริหารจัดการต้นทุนจากทีมงานที่มีประสบการณ์ เช่น การทำ Hedging เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราการแลกเปลี่ยนสำหรับการซื้อวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ รวมไปถึงการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทสามารถคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินจากการระดมทุนส่วนหนึ่งไปพัฒนาประสิทธิภาพและเทคโนโลยีการผลิต เช่น การพัฒนาโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่น และศูนย์กระจายสินค้า รวมไปถึงการลงทุนในการพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ทันสมัยและเป็นระบบอัตโนมัติ (Automation) มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการลดขั้นตอนการดำเนินงาน เพิ่มประสทธิภาพ และการลดต้นทุนด้านการผลิต

PSP ทำธุรกิจอะไรบ้าง? มีโมเดลธุรกิจอย่างไร?

ปัจจุบัน PSP เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร และเป็นผู้ผลิตอิสระ (Independent Blender) รายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตรวมสูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยโมเดลธุรกิจการให้บริการที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) ของอุตสาหกรรม ตั้งแต่กระบวนการการจัดหาวัตถุดิบ การออกแบบ การผลิตและการบรรจุผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังให้บริการการจัดเก็บและศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งการให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย

PSP แบ่งรายได้จากธุรกิจเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ รายได้จากการขายและรายได้จากการบริการ

ในปี พ.ศ. 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วน 95.7% ของรายได้ทั้งหมด โดยประกอบไปด้วย

1. รายได้จากธุรกิจการพัฒนาและผลิตสินค้าแบบครบวงจรมีสัดส่วน 76.8% ของรายได้จากการขาย ซึ่งเป็นธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตามความต้องการของลูกค้า ด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล โดยให้บริการแก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่หลากหลาย ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่

1.1 ผลิตและจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น มีสัดส่วน 55.8% ของรายได้จากการขาย

1.2 ผลิตและจำหน่ายจาระบี มีสัดส่วน 7.1% ของรายได้จากการขาย

1.3 ผลิตและจำหน่ายน้ำมันผสมยาง มีสัดส่วน 9.5% ของรายได้จากการขาย

1.4 ผลิตและจำหน่ายน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า มีสัดส่วน 4.4% ของรายได้จากการขาย

2. รายได้จากธุรกิจซื้อมาขายไปวัตถุดิบและสินค้า มีสัดส่วน 23.2% ของรายได้จากการขาย ซึ่งมาจากการซื้อมาขายไปน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (Base Oil) และสารเติมแต่ง (Additive) รวมไปถึงรายได้ซื้อมาขายไปจาก บริษัท ยู.ซี.มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนเมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เพื่อขยายขีดความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจให้ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานมากยิ่งขึ้น เนื่องจากธุรกิจหลักคือการเป็นตัวแทนจำหน่ายสารเติมแต่ง (Additive) ของ Chevron Oronite ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สารเติมแต่งระดับสากล ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นส่วนผสมสำคัญในการพัฒนาสูตรน้ำมันหล่อลื่นสำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรม โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย กัมพูชา และลาว อีกทั้งยังเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของผลิตภัณฑ์ Markers ของ Authentix ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการตรวจสอบและรับรองสินค้าในระดับสากล อาทิ เทคโนโลยีการตรวจสอบน้ำมัน อากรแสตมป์ และธนบัตร เป็นต้น

ในส่วนของรายได้จากการบริการมีสัดส่วนอยู่ที่ 4.3% ของรายได้ทั้งหมด ประกอบไปด้วย รายได้จากการบริการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า การให้บริการศูนย์กระจายน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถจ่ายน้ำมันได้สูงสุดอยู่ที่ปีละ 3,600 ล้านลิตร การให้บริการศูนย์กระจายสินค้ารวมพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร สามารถรองรับการจัดเก็บสินค้าได้มากกว่า 27,000 พาเลท รวมไปถึงรายได้จากการให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ซึ่งมาจากการที่ PSP ได้จัดตั้ง บริษัท พี.เอส.พี. โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นผู้ให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน (Cross Border Logistics) ระหว่างประเทศไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย รวมถึงประเทศที่มีพรหมแดนติดกับประเทศข้างต้น อาทิ เวียดนาม จีน และสิงคโปร์ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้จัดตั้งบริษัท สเปเชียล อินเตอร์เฟรท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการจัดการด้านการขนส่งสินค้า (Freight Forwarder) ทั้งทางเรือและทางอากาศ ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนการขนส่ง การคัดเลือกผู้ให้บริการขนส่ง ตลอดจนการกำหนดปัจจัยชี้วัดคุณภาพและมาตรฐานต่าง ๆ

นอกเหนือจากรายได้จากการขายและบริการแล้ว PSP ยังได้จัดตั้งบริษัท พี.เอส.พี. เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เป็น New S-Curve ซึ่งปัจจุบันได้มีการเข้าไปลงทุนในบริษัท วอทส์เอ็ก (ประเทศไทย) จำกัด ที่ประกอบธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ผ่านแอปพลิเคชัน ภายใต้ชื่อ EGGMall สำหรับซื้อขายชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ และน้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) และให้บริการระบบบริหารจัดการภายใต้ชื่อ EggAli ที่พร้อมให้บริการระบบบริหารข้อมูลลูกค้า การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดซื้อ การจัดการข้อมูลทางบัญชี การตรวจสอบสถานะการขนส่งกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้า และการตลาดในประเทศไทยให้กับลูกค้ากลุ่มบริษัทประกันภัยรถยนต์และอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

PSP มีความได้เปรียบคู่แข่งอย่างไร?

ความแข็งแกร่งหลักของ PSP อยู่ที่ความเชื่อมั่นของลูกค้าและ Know-how ของบริษัท ที่สะสมมามากกว่า 30 ปี ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร ความครบครันของสินค้าที่มีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจของลูกค้าชั้นนำได้ทุกประเภท รวมไปถึงการมีธุรกิจจัดส่งและกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับมอบสินค้าที่มีคุณภาพและตรงตามเวลาที่กำหนด

อย่างไรก็ตามจุดเด่นหลักสำหรับธุรกิจของ PSP สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเด็นด้วยกัน

1. ธุรกิจผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนในการสร้างโรงผลิต คลังจัดเก็บน้ำมันและวัตถุดิบ และศูนย์กระจายสินค้าที่สูง - ทำให้คู่แข่งรายใหม่เข้ามาแข่งขันได้ยาก ประกอบกับทำเลที่ตั้งของบริษัทยังอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ขนาบแม่น้ำท่าจีน ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักไปสู่ภาคใต้และภาคตะวันตก ที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ประกอบกับการที่ PSP มีท่าเทียบเรือปฏิบัติการ (Operating Jetty) อยู่ถึง 5 ท่า ซึ่งมีข้อกำหนดและมาตรฐานที่มีความเข้มงวด โดยจะเป็นการสร้างข้อได้เปรียบเชิงต้นทุน และความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจ เนื่องจากโมเดลธุรกิจมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีท่าเทียบเรือปฏิบัติการ (Operating Jetty) ที่สามารถรองรับการรับวัตถุดิบ และการขนส่งทางเรือจากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้

2. ความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีที่ลูกค้ามีต่อบริษัท - PSP มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมามากกว่า 30 ปี การบริหารจัดการกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ และการมีห้องปฏิบัติการ (Laboratory) ที่ได้รองรับมาตรฐานระดับสากล รวมไปถึงการส่งมอบสินค้าที่ตรงตามเวลา จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

3. เป็นผู้ผลิตอิสระที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง - การเป็นผู้นำทางการตลาด และการมีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศไทยในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการบริหารต้นทุนการผลิต ทำให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการผลิตเป็นจำนวนมาก

4. ความสามารถในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ - บริษัทฯ มีความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบันมีการพัฒนาสูตรของผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและผลิตภัณฑ์พิเศษรวมกว่า 1,000 สูตร ที่ครอบคลุมด้านการรับรองและตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการสร้างความแตกต่าง ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของตลาด และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้

การเติบโตของ PSP มีความน่าสนใจอย่างไร?

PSP ถือเป็นหุ้นที่มีธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ภายใต้สภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยบริษัทฯ มีโครงการในการใช้เงินระดมทุนเพื่อการเติบโตดังนี้

1. ใช้เป็นเงินลงทุนในโรงงานผลิต เครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่น และปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างครบวงจร การลงทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ สามารถลดขั้นตอนในการผลิต รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักร ส่งผลให้มีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้นในระยะยาว

2. ใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินที่ใช้ในการเข้าซื้อ บริษัท ยู.ซี.มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้น

3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท ถ้าบริษัทฯ มีการเติบโตจะมีการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่มากขึ้น การมีเงินสำรองที่สามารถนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนได้จะทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้เมื่อมีโอกาสที่ดีเข้ามา

นอกจากการเติบโตจากการระดมทุนแล้ว บริษัทฯยังมีการเติบโตที่น่าสนใจในมุมอื่น ๆ เช่น

1. การขยายตลาดไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเป็นการมุ่งนำศักยภาพและข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันมาเสริมแกร่งให้กับธุรกิจหลักในปัจจุบันเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม จากการเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสเติบโตและอัตราการทำกำไรสูง รวมไปถึงการขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐหรือแนวโน้มของเศรษฐกิจในระดับมหภาค อาทิ น้ำมันหล่อลื่นและจาระบีสำหรับอุตสาหกรรมที่มีความปลอดภัยเมื่อนำมาใช้หรือสัมผัสกับอาหาร (Food Grade) ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

2. การเพิ่มสัดส่วนการขายจากตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าในแถบอาเซียนเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดน้ำมันหล่อลื่นที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะผลักดันให้รายได้จากต่างประเทศขยับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ราว 15% ให้เป็น 25.0% ภายในปี พ.ศ. 2569 โดยการขยายตัวไปยังตลาดในต่างประเทศครั้งนี้จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตอีกทางหนึ่ง

3. การเติบโตจากธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสารเติมแต่ง (Additive) ธุรกิจบริการจัดการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร รวมไปถึงธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตสูง

4. โดยบริษัทยังไม่หยุดยั้งที่จะแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับ Mega Trend ของโลก อาทิ การที่บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องและส่งเสริมธุรกิจหลักให้เติบโตไปกับกระแสการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Solutions) โดยปัจจุบัน คณะกรรมการบริษัท ได้มีการอนุมัติเพื่อลงทุนในบริษัทที่ให้บริการด้านรีไซเคิลสารเคมีใช้แล้ว รวมไปถึงการตั้งเป้าหมายที่จะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve Business) ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น ธุรกิจแพลตฟอร์ม ธุรกิจเทคโนโลยีด้านอาหาร การแพทย์ และธุรกิจยานยนต์แห่งอนาคต เป็นต้น

สรุป PSP มีความน่าสนใจอย่างไร?

PSP ถือเป็นหุ้นที่มีการเติบโตและเสถียรภาพสูง ด้วยโมเดลธุรกิจและการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นลักษณะเด่นของ หุ้น Defensive Growth Stock และยิ่งไปกว่านั้น PSP ยังมีการเติบโตที่น่าสนใจในมุมของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตซึ่งสามารถดำเนินงานได้ทันทีหลังเข้าตลาด อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมไปถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการเติบโตจากการขยายตลาดไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การเพิ่มสัดส่วนการขายในต่างประเทศ รวมไปถึงการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ อยู่เสมอ

ความได้เปรียบในการแข่งขันของ PSP ไม่สามารถถูกทำลายลงได้โดยง่าย เนื่องจากมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ถือว่าเป็นผู้นำไปแล้ว รวมถึงเม็ดเงินลงทุนที่ต้องใช้ในการทำธุรกิจอยู่ในระดับสูง การเกิดใหม่ของคู่แข่งใหม่รายเล็กจึงเป็นไปได้ยาก ในขณะที่คู่แข่งใหม่รายใหญ่จะติดปัญหาเรื่อง Know-how และความเชื่อมั่นจากลูกค้าชั้นนำ ทำให้หุ้น PSP มีแนวโน้มที่จะรักษาความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.wealthythai.com/en/updates/stock/stock-of-the-day/18357